ENGINE BRAKE เอนจิ้นเบรกคืออะไร

ENGINE BRAKE เอนจิ้นเบรกคืออะไร

May 24, 2018 0 By admin

เรื่องหนึ่งที่ยังถกเถียงกันอยู่เกี่ยวกับเอนจิ้นเบรก (Engine Brake) ว่าคืออะไร มีประโยชน์อย่างไร ใช้บ่อยๆ มีผลเสียหรือไม่ วันนี้เรามาอธิบายกันแบบง่ายๆ เข้าใจเร็วๆ นะครับ

Engine Brake ไม่ใช่ระบบเบรก แต่คือแรงหน่วงของเครื่องยนต์ที่เกิดขึ้นเมื่อเราถอนคันเร่งจนสุด เครื่องยนต์จะเกิดอาการตื้อและหน่วงให้รถวิ่งช้าลง นั่นแหละครับคือเอนจิ้นเบรก หรืออีกนัยหนึ่งก็คือ ส่วนกลับของกำลังเครื่องยนต์ (Negative Horsepower)

โดยปกติแล้ว Engine Brake ในเกียร์ต่ำจะมีแรงหน่วงมากกว่าเกียร์สูง ถ้าเรียงตามลำดับจะได้ 1 > 2 > 3 > 4 > 5 > 6 และยิ่งเครื่องยนต์มีกำลังแรงม้ามากเท่าไร Engine Brake ก็จะมากตามไปด้วย สังเกตได้จากรถบ้านเล็กๆ ที่มีแรงม้าเพียงน้อยนิดจะไม่รู้สึกถึงแรงหน่วงอะไรมากมาย แต่ถ้ารถใหญ่ขนาด 1,000 ซีซี 200 แรงม้า ถอนคันเร่งทีแทบจะหัวทิ่มกันเลยทีเดียว

แล้ว Engine Brake มีประโยชน์อย่างไร?
อย่างที่บอกไว้ข้างต้นว่า Engine Brake คือแรงหน่วงของเครื่องยนต์ ซึ่งเราจะใช้ Engine Brake ก็ต่อเมื่อไม่ต้องการให้รถไหลเร็วเกินไป และใช้เบรกน้อยที่สุด พอจะนึกออกไหมว่าใช้ในสถาณการณ์ไหน? … นึกออกไหม … ก็ใช้ตอนลงเขาหรือเนินลาดชันยังไงล่ะครับ อย่างเช่น ดอยอินทนนท์ หรือเส้นทางลงเขาตามภาคเหนือที่เป็นทางโค้งยาวหลายสิบหลายร้อยกิโลเมตร ถ้าใช้เกียร์สูงรถก็จะไหลเร็วเกินไป พอใช้เบรกเยอะเกินไปก็จะเกิดความร้อนสูงสะสมในผ้าเบรกและจานเบรกจนเสียสภาพการยึดเกาะ หรือที่เรียกว่า “เบรกแตก” เบรกไหม้ เบรกหาย เบรกไม่อยู่ ถึงเวลานั้นก็เล็งไว้เลยว่าจะเอาต้นไม้ต้นไหนเป็น stopper (ฮา…)

ดังนั้น เพื่อไม่ให้เกิดเหตุดังกล่าว เราจึงควรใช้เบรกให้น้อยที่สุด โดยใช้เกียร์ต่ำหน่วงรถไม่ให้ไหลเร็วเกินไป ส่วนจะใช้เกียร์ 1 , 2 หรือ 3 ก็แล้วแต่สถาณการณ์และความเร็วที่เหมาะสมครับ  นี่แหละคือประโยชน์ของ Engine Brake

ความเข้าใจผิดๆ เกี่ยวกับการใช้ Engine Brake
คนส่วนใหญ่มักเข้าใจว่าเมื่อวิ่งมาเร็วๆ แล้วจะลดความเร็ว ให้ลดเกียร์ลงเพื่อดึง Engine Brake มาใช้ … อยากบอกไว้ตรงนี้เลยว่าเป็นความเข้าใจที่ “ผิด” ผิดชนิดฝังหัวตั้งแต่รุ่นปู่ยันรุ่นหลานเลยล่ะ จริงๆ แล้วถ้าจะลดความเร็วให้ใช้ “เบรก” ไม่ใช่ให้ลดเกียร์ (แม้แต่นักแข่งระดับโลกยังไม่มีใครเขาทำกัน) จะเบรกหน้าหรือเบรกหลังก็ว่ากันไปตามสูตรเบรกหน้า 70% หลัง 30% หรือถ้ารถใครมีระบบกระจายแรงเบรกก็สบายไป แต่หลักๆ แล้วจะใช้เบรคหน้ามากกว่าหลังเสมอ (ลองอ่านบทความนี้ดูครับ วิธีการใช้เบรกที่ถูกต้อง)

การวิ่งมาเร็วๆ แล้วลดเกียร์ลงในทันทีจะทำให้รอบเครื่องดีดขึ้นสูงอย่างฉับพลัน เกิดแรงกระชากมหาศาลภายในเครื่องยนต์ ฟันเฟือง เพลาขับ ข้อเหวี่ยง โซ่ สเตอร์ ฯลฯ ทั้งหมดจะถูกกระชากอย่างรุนแรง ถึงแม้ไม่ทำให้เครื่องพังในทันทีแต่ย่อมมีการสึกหรอตามมาอย่างแน่นอน เมื่อรอบเครื่องทำงานไม่สัมพันธ์กับความเร็ว อัตราการหมุนของล้อก็ไม่สัมพันธ์กับระยะทางที่วิ่ง เกิดอาการที่เรียกว่า skid หรือล้อสับ เสียงยางดังเอี๊ยดๆๆๆ คือล้อหมุนช้ากว่าระยะทางที่เคลื่อนที่ไป ทำให้ยางดีดเด้ง ไม่จับกับพื้นถนน สะบัดซ้ายทีขวาที สูญเสียการควบคุม ซึ่งอันตรายมาก

การเบรคที่ถูกต้องทำอย่างไร ง่ายๆ ครับ
1. ถอนคันเร่งให้สุด เพื่อเรียก Engine Brake มาหน่วงให้รถไหลช้าลง ที่สำคัญ “ห้ามบีบคลัชต์เด็ดขาด” เพราะเป็นการตัด Engine Brake โดยสิ้นเชิง
2. ใช้เบรคหลัง เพื่อถ่ายน้ำหนักมาล้อหลัง แล้วจึง…
3. ใช้เบรคหน้า เพื่อหยุดรถ

แค่นั้นเอง

ทั้งหมด 3 ข้อนั้นจะเกิดขึ้นภายในเวลาเพียงเสี้ยววินาที ทำแค่ 3 อย่างนี้พอ ทำพร้อมกันเลยก็ได้ ไม่ต้องปลี่ยนเกียร์ให้เสียเวลา เสียสมาธิเปล่าๆ ฝึกให้คล่องแล้วเวลาใช้จริงจะเป็นการเบรคที่มีประสิทธิภาพมากที่สุด ให้จำไว้ว่าระบบเบรกหลักคือเบรกหน้า เบรกหลังไว้ช่วยทรงตัว และ Engine Brake คือตัวเสริม และเมื่อความเร็วลดลงจนถึงระดับที่ปลอดภัยแล้วจึงเปลี่ยนเกียร์เพื่อดึงกำลังเครื่องยนต์มาใช้แล้วไปต่อ

จำไว้เลยนะครับ

Brake to slow, Gear to go.