รีวิวยาง Continental ContiSportAttack ยางสปอร์ตราคาสบายกระเป๋า

รีวิวยาง Continental ContiSportAttack ยางสปอร์ตราคาสบายกระเป๋า

October 10, 2018 0 By admin

เมื่อ 1 ปีก่อนตอนที่ออกรถ CBR650F มาใหม่ๆ ซึ่งตรงกับช่วงหน้าฝนพอดี ทำให้รู้ว่ายางเดิมติดรถนั้นไม่ค่อยเกาะถนนเปียก ก็เลยรีบไปเปลี่ยนเป็น Metzeler Sporttec M5 ซึ่งค่อนข้างน่าพอใจพอสมควร ผ่านมา 1 ปีกับระยะทาง 20,000 กิโลเมตร ยางหน้าหมดเรียบร้อย ส่วนยางหลังยังเหลือนิดหน่อย แต่เริ่มรู้สึกว่ารถทรงตัวไม่ค่อยดีแล้ว ก็เลยตัดสินใจเปลี่ยนดีกว่า โดยตั้งโจทย์ไว้เหมือนเดิมคือ

– ต้องเป็นยางสปอร์ต เพื่อความง่ายในการพลิกรถและเข้าโค้ง
– อายุการใช้งานนาน
– ราคาไม่แพง ห้ามเกินหมื่น

ก็ดูไว้หลายรุ่น หลายยี่ห้อ แต่สุดท้ายก็ตกลงปลงใจกับ Continental ContiSportAttack ด้วยเหตุผลง่ายๆ คือ “ชอบลายยาง” แค่นั้นแหละครับ ไม่ได้คิดอะไรมาก (ฮ่าๆๆ) ซึ่งจริงๆ แล้วยางในตระกูล ContiSportAttack มีทั้งหมด 3 รุ่น โดยรุ่น 1 ราคาถูกสุด ผมได้มาในราคาคู่ละ 8,800 บาท (หน้า 120/70 หลัง 190/55) ซึ่งเป็นราคากลาง ขายเท่ากันทั้งประเทศ ใกล้ร้านไหนก็ไปร้านนั้นเลย ไม่ต้องตามหาให้เหนื่อยครับ

(ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับยางรุ่นนี้ ดูได้ที่เว็บไซต์ผู้ผลิตเลยครับ https://goo.gl/mA1heX )

เรามาพูดถึงความรู้สึกในการขับขี่เลยดีกว่า สัมผัสแรกที่ได้จากการเปิดคันเร่งออกตัวคือ “หน้ารถหนักมาก” รู้สึกว่าน้ำหนักส่วนใหญ่ตกไปอยู่ที่ล้อหน้า ต้องใช้แรงในการหักแฮนด์มากกว่าปกติ ทีแรกก็นึกว่าคิดไปเอง แต่ลองขับไปสักพัก ลองเลี้ยว ลองโยกตัว ชัดเลยว่าน้ำหนักไปลงที่ล้อหน้าหมด แฮนด์เบาจนใช้ควบคุมการเลี้ยวไม่ค่อยได้ ต้องอาศัยการถ่ายน้ำหนักและ counter steering ช่วยในการเลี้ยวแทน อะไรกันเนี่ย… หรือว่าอาจจะยังไม่ชินมั้ง

ทดสอบการเข้าโค้งบ้าง คราวนี้กลับผิดคาด ต้องบอกว่าเข้าโค้งง่ายมาก แค่ถ่ายน้ำหนักลงด้านข้าง รถก็เอียงตัวลงไปทันที รู้สึกเหมือนยางดูดติดถนนโดยไม่ต้องออกแรงอะไรเลย จังหวะการเทโค้งลื่นไหลไม่มีสะดุด เกาะโค้งไปได้เรื่อยๆ แบบไม่ต้องลุ้นอะไร ซึ่งถือว่าดีกว่า M5 พอสมควร แต่ก็แอบกลัวว่าจะดูดถนนดีเกินไปจนพาคนขับลงไปนอนเอาง่ายๆ (ฮ่าๆๆ)

ความนุ่มนวล การซับแรงสะเทือน ถือว่าทำได้ดีมากตามประสายางใหม่ อย่างที่บอกว่าเจ้า ContiSportAttack ให้ความรู้สึกเหมือนว่าน้ำหนักไปลงที่ล้อหน้าเยอะ จึงให้ความรู้สึกหนักแน่น ทรงตัวดี ไม่มีอาการดีดดิ้นเวลาเจอรอยต่อถนน ฝาท่อ หรือผิวถนนขรุขระที่มีรอยปะรอยซ่อม ซับแรงสะเทือนได้ค่อนข้างดี สามารถวิ่งลุยได้สบายโดยไม่ต้องลุ้นมาก อันนี้ประทับใจมาก ผิดกับ M5 ที่พอใกล้หมดก็ออกอาการย้วย ดีดดิ้น เจอเส้นแบ่งถนนก็สะบัดเอาง่ายๆ ซึ่งเป็นเรื่องปกติของยางเก่าแหละครับ

ถนนเปียก เท่าที่ได้ลองขับฝ่าสายฝนบนถนนยางมะตอยเก่าๆ มีรอยปะซ่อมบ้าง ที่ความเร็ว 120 กม./ชม ไม่พบอาการลื่นหรือดีดดิ้นแต่อย่างใด ยังทรงตัวและเกาะถนนได้ดี ถือว่าสอบผ่านครับ

ความทนทาน อายุการใช้งาน ด้วยเนื้อยางที่มีความนิ่มระดับกลางๆ คาดว่าน่าจะใช้งานได้ราวๆ 15,000 กม. (ถ้าขับแบบปกตินะ) อย่าง M5 นั้นใช้ได้ถึง 20,000 กม. ทั้งที่ผู้ผลิตแจ้งว่าใช้ได้ราว 15,000 กม. เท่านั้นเอง ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับสภาพถนนและลักษณะการขับขี่ของแต่ละคน ใครขับโหดๆ ชอบกระแทกคันเร่ง เบรคหนักๆ ก็ไม่น่าใช้ได้เกิน 10,000 กม.

สรุป

ถ้าไม่นับเรื่องที่ว่าหน้าหนัก เลี้ยวยาก (ซึ่งอาจจะเพราะยังไม่ชิน) ถือว่าเป็นยางที่น่าใช้มาก โครงสร้างยางแข็งแรง ทรงตัวดี วิ่งรูดหลุมหรือถนนขรุขระได้สบายๆ ไม่กลัวน้ำ เกาะถนนดี แถมยังเข้าโค้งง่ายมากๆ ด้วย ด้วยราคาค่าตัว 8 พันปลายๆ จัดว่าคุ้มค่า คุ้มราคา ขับถนนได้ ลงสนามก็พอไหว ถ้าคุณมีงบประมาณจำกัด นี่คืออีกหนึ่งตัวเลือกที่ไม่ควรมองข้ามโดยเด็ดขาดครับ