ทริปตามฝัน กับวันที่หนาวจับใจ

ทริปตามฝัน กับวันที่หนาวจับใจ

November 25, 2020 0 By admin

การได้ควบมอไซค์สปอร์ตคู่ใจ ซิ่งไปบนถนนกลางขุนเขาที่เต็มไปด้วยทางโค้งคดเคี้ยว ท่ามกลางอากาศหนาวเย็นยะเยือก ฝ่าสายลมและแสงแดด พร้อมกับสูดอากาศบริสุทธิ์เข้าไปให้เต็มปอด เสพอารมณ์และความรู้สึกของธรรมชาติอย่างเต็มที่ นี่น่าจะเป็นความฝันในวัยเด็กของใครหลายๆ คน … รวมถึงผมด้วยเช่นกัน ที่ไม่เคยคาดคิดว่าฝันนั้นจะเป็นจริง และเมื่อโอกาสนั้นมาถึง ก็อยากจะบันทึกความทรงจำนี้ไว้ ว่าครั้งหนึ่งเราก็เคยได้ผ่านจุดนั้นมาแล้วเช่นกัน กลั่นออกมาเป็นบทความนี้ครับ

Day 1 : กรุงเทพ – อุทยานแห่งชาติแม่เมย (จ.ตาก)

เช้ามืดของวันที่ 5 ธันวาคม 2562 วันแรกของการหยุดยาวในเทศกาลท่องเที่ยวประจำปีของใครหลายๆ คน ผมมีนัดกับเพื่อนๆ ที่ปั๊มน้ำมัน ปตท. บางปะอิน จุดนัดพบแรกบนถนนสายเอเชียของเหล่าพลพรรคนักบิด ก่อนมุ่งหน้าขึ้นเหนือไปพร้อมกัน อากาศเช้านี้ราวๆ 18 องศา ต้องบอกว่าหนาวเย็นถึงใจจริงๆ ถ้าอากาศเป็นแบบนี้ทุกวัน ทริปนี้ต้องสนุกแน่ๆ

รถของผู้ร่วมทริปนี้มีทุกแนว ตั้งแต่สกู๊ตเตอร์ สปอร์ต เน็คเก็ต ทัวริ่ง แอดเวนเจอร์ หรือแม้แต่รถยนต์ก็ตาม นั่นก็เพราะว่าสมาชิกแต่ละคนล้วนสะสมชั่วโมงบินมากพอที่จะค้นพบแนวทางของตัวเอง และเลือกใช้รถตามความชอบส่วนตัว แต่ถึงอย่างไรก็ไปด้วยกันได้เสมอ เพราะเรามีใจรักในการท่องเที่ยวเหมือนกันนั่นเอง ซึ่งจุดหมายแรกของวันนี้คือ อ.แม่สอด จ.ตาก โดยจะแวะไปทานข้าวเที่ยงที่นั่นกันก่อน

ช่วงแรกของการเดินทางบนถนนสายเอเชียนั้นยังไม่มีค่อยมีอะไรน่าสนใจ เป็นทางตรงยาวหลายร้อยกิโลเมตร แอบน่าเบื่อนิดๆ ด้วยซ้ำ แต่ด้วยสภาพอากาศที่หนาวจัด ซึ่งถือว่าโชคดีมากที่ได้เจออากาศหนาวขนาดนี้บนพื้นราบ ทำให้เรารู้สึกดีขึ้นมาบ้าง ก็ถือซะว่าขับยืดเส้นยืดสายก่อนจะเจอของจริงในช่วงบ่ายนี้

เมื่อเรามาถึงตัวเมือง จ.ตาก แดดเริ่มแรง อากาศเริ่มร้อนขึ้นเรื่อยๆ จนพวกเราต้องจอดเปลี่ยนชุดกันก่อน ถอดเสื้อกันหนาว เสื้อซับในออกให้หมด ไม่งั้นเหงื่อท่วมแน่ๆ

หลังจากขับทางตรงจนเบื่อ พอออกจากตัวเมือง แยกไปทาง อ.แม่สอด ความสนุกจะเริ่มจากตรงนี้แหละ เพราะจะได้พบกับทางโค้งขึ้นเขาคดเคี้ยวไปมา เปิดโอกาสให้สายซิ่ง สายสปอร์ตได้ระเบิดพลังกันเต็มที่ เป็นอันรู้กันว่านับจากตรงนี้ไป เจอกันปลายทางเลยนะ (ฮ่าๆๆ)

ถนนเส้นนี้มีวิวที่ค่อนข้างสวย เหมือนวิ่งอยู่บนสันเขา พื้นผิวถนนดีมาก แต่ก็ต้องระวังให้ดี เพราะขี่ๆ ไปอาจจะเจอหลุมอยู่กลางโค้งก็ได้ รวมถึงต้องระวังรถบรรทุกที่ค่อนข้างเยอะมาก แถมขับไม่เหมือนกันซักคัน บางคันก็วิ่งซ้าย บางคันก็วิ่งขวา เดาใจยากจริงๆ

หลังจากเล่นโค้งจนเต็มอิ่มกับระยะทางกว่า 70 กิโลเมตร ผมก็มาถึง อ.แม่สอด ซึ่งการมาคราวนี้ทำให้ผมแปลกใจมาก เพราะแม่สอดเจริญขึ้นผิดหูผิดตาในเวลาแค่ไม่กี่ปี ถนนหนทาง บ้านเมือง ร้านค้า ห้างสรรพสินค้าต่างๆ ผุดขึ้นเต็มไปหมด เล่นเอาจำทางแทบไม่ได้

เราพักทานข้าวเที่ยงกันสักพัก หายเหนื่อยแล้วก็ออกเดินทางต่อทันที เพราะวันนี้ยังเหลือระยะทางอีก 170 กม. จะได้ไปให้ถึงก่อนค่ำ พอได้มีเวลาเดินเล่น ดูโน่นนี่นั่นด้วย ซึ่งที่พักของเราในวันนี้คือ อุทยานแห่งชาติแม่เมย

ระหว่างทางจะเป็นถนนสองเลนสวน ลัดเลาะไปตามแนวชายแดนไทย-พม่า ถนนค่อนข้างดี ขับไม่ยาก โค้งไม่มากเท่าไร ไปได้เรื่อยๆ ประมาณ 3 ชั่วโมงก็ถึงแล้วครับ ถือว่าสบายๆ ชิลๆ

เมื่อมาถึงอุทยานแล้ว เราก็ไปติดต่อที่พักซึ่งได้จองเต็นท์ไว้ล่วงหน้าแล้ว พร้อมอุปกรณ์เครื่องนอน ซึ่งต้องบอกเลยว่าเครื่องนอนที่นี่ดีมากๆ ถุงนอนอย่างดี แผ่นรองนอนเป็นยางพาราอย่างหนา นุ่มสบายมากๆ ห้องน้ำห้องท่าก็สะอาดดีมาก คือดีเกินมาตรฐานอุทยานที่อื่นเลยล่ะครับ ส่วนเรื่องอาหารการกินก็ไม่ต้องห่วง มีร้านค้าคอยบริการนักท่องเที่ยวอยู่แล้วครับ

ตกเย็นเราก็ขับรถขึ้นไปดูพระอาทิตย์ตกที่ ม่อนครูบาใส (คำว่าม่อนเป็นภาษาเหนือ แปลว่ายอดเขา เนินเขา) ซึ่งอยู่ห่างจากจุดกางเต็นท์ไม่ไกล และเป็นจุดชมวิวพระอาทิตย์ตกที่สวยมาก มองเห็นได้ไกลโดยไม่มีอะไรมาบดบัง แต่ถ้าจะดูพระอาทิตย์ขึ้นก็ขับรถเลยขึ้นไปอีกหน่อย จะมีอีกม่อนที่สามารถดูได้ทั้งอาทิตย์ขึ้นและตกครับ

พออาทิตย์ลับขอบฟ้าเท่านั้นแหละ อากาศก็เปลี่ยนจากร้อนๆ กลายเป็นหนาวยะเยือกทันที ตอนขึ้นมาใส่เสื้อยืดขาสั้นสบายๆ แต่ขาลงแทบจะกรี๊ด เล่นเอาหนาวจนหน้าชาเลยครับ

ตกดึกอากาศก็ยิ่งหนาวเย็นขึ้นเรื่อยๆ นี่ขนาดว่าพื้นที่รอบๆ มีต้นไม้ใหญ่ช่วยบังลมให้ ก็ยังหนาวขนาดนี้ ถ้าอยู่บนยอดดอยจะหนาวขนาดไหนเนี่ย แต่ก็เป็นเรื่องดีแล้วล่ะ เพราะจะทำให้นอนหลับได้อย่างสบายสุดๆ ไปเลย ส่วนใครจะปาร์ตี้สังสรรค์ก็ตามสบายเลยนะ เหนื่อยมาทั้งวันแล้วขอตัวไปนอนก่อนล่ะ ไว้เจอกันพรุ่งนี้เช้าครับ

(จบวันที่ 1)

Pages: 1 2 3 4 5